สำหรับครอบครัวที่มีลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ครบสมบูรณ์หรือจะเป็นคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ตามที คุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นแบบอย่าง ต้องสอนและแนะนำลูก ด้วยเหตุผล เพื่อที่เมื่อลูกโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่กว้างขึ้น เขาจะเป็นลูกชายที่มีความเป็นผู้นำ เป็นหน้าครอบครัวที่ และจะได้ถ่ายทอดคำสอนต่างๆไปสู่คนอีกรุ่นนั่นเอง วันนี้แอดจึงมี 6 เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชาย มาแนะนำ แนะนำ 6 เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชาย เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชายสอนให้ลูกชายรู้ว่าเมื่อเขาโตขึ้นจะต้องเป็นสามีที่ดีต่อภรรยา นั่นหมายถึงจะต้องสอนให้ลูกรู้จักหน้าที่ของตัวเองซะตั้งแต่ยังเล็กๆ สอนและปลูกฝังให้กล้าแสดงออก ซึ่งนั่นควรจะเป็นการแสดงออกในทางที่ถูก และให้ลูกได้มีส่วนร่มในการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชายสอนให้ลูกชายรู้ว่าอย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรค เมื่อพบเจอความยากลำบากต่างๆ ควรจะสอนให้ลูกร็จักที่จะถอยออกมา1ก้าว เพื่อทบทวนหาสาเหตุ และเมื่อพร้อมจึงเข้าไปเผชิญกับมันใหม่ เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชายสอนให้ลูกชายรู้จักจัดการกับอารมณ์โกรธต่างๆ ควรจะบอกกับลูกว่าอารมณ์โกรธจะเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่ดีต่อตัวเองและคนรอบข้าง เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชายสอนให้ลูกชายรู้จักการดูแลรักษาความสะอาด ข้อนี้เป็นการสอนลูกตั้งแต่เข้าวัย 1ขวบ และจึงมาเสริมเพิ่มเติมให้ลูกเป็นคนที่ดูเนี๊ยบในสายตาคนรอบข้าง เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชายสอนให้ลูกชายรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สิ่งสำคัญของความเป็นลูกผู้ชาย คือรูปลักษณ์ภายนอก จากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ต้องรู้จักกับการออกกำลังกาย เลือกกีฬาที่ชอบและให้เวลาฝึกฝนกับมัน เรื่องที่ควรสอนให้ลูกชายสอนให้ลูกชายรู้จักการให้เกียรติต่อบุคคลอื่น การที่หลายๆคนจะอยู่ในสังคมได้ต้องรู้จักการให้เกียรติ ซึ่งควรจะสอนให้ลูกรู้จักการให้เกียรติตัวเองก่อน เคารพตัวเองซึ่งอยู่บนความถูกต้อง วางตัวให้ถูกในสังคมนั้นๆ จากนั้นในการที่จะอยู่ในสังคมนั้นๆได้ก็จะเหมือนเป็นการให้เกียรติต่อบุคคลอื่นไปได้โดยอัตโนมัติ ติดตามบทความ แม่และเด็ก เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับ การเลี้ยงลูก เทคนิควิธีการดูแลลูก ได้ที่นี้ แนะนำ 3 วิธีเลี้ยงลูกให้มีความ STRONG บอกเลยว่าพ่อแม่มือใหม่ห้ามพลาด

พ่อแม่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การกอดลูก เป็นแสดงถึงความรัก และความอบอุ่นที่มีต่อลูก ถึงแม้ว่าในบางครั้งบางเวลาจะได้พูดหรือบอกไป แต่การกอดก็สื่อถึงความรักจากพ่อและแม่ได้ดีที่สุด ข้อดีของการกอดลูก การแสดงความรักจากพ่อแม่ ที่ควรทำให้บ่อยที่สุด มีอะไรบ้างไปเรียนรู้กันค่ะ ข้อดีของการกอดลูก บ่อยๆ มีอะไรบ้าง ข้อดีของการกอดลูกลูกจะรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง และรู้สึกวางใจต่อสิ่งภายนอกเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพ่อและแม่ และในอีกทางลูกจะกล้าที่จะแสดงออกทางการวิ่งเล่น กล้าที่จะกระโดด กล้าทำกิจกรรมต่างๆเพิ่มมากขึ้น เพราะการกอดจะทำให้ลูกรู้สึกกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้เพิ่มมากขึ้น ข้อดีของการกอดลูกทำให้ลูกรู้สึกมีความภูมิใจเมื่อถูกกอด เป็นเหมือนการสร้างความมั่นใจให้กับตัวลูก ยิ่งถ้าหากคุณพ่อและคุณแม่สวมกอดลูกบ่อยๆด้วยแล้ว จะเหมือนเป็นการช่วยสร้างเกราะป้องกันอันตรายจากโลกภายนอก ทำให้กล้าที่จะเผชิญกับสิ่งรอบๆตัวได้อีกด้วย ข้อดีของการกอดลูกการกอดเป็นเหมือนการแสดงถึงความรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจความรู้สึกของลูก นั่นหมายถึงว่าเมื่อลูกประสบปัญหาต่างๆ เช่น ทำจานแตก ทำน้ำหก แทนที่พ่อแม่จะต่อว่า หรือตวาดลูก ก็เปลี่ยนเป็นการกอดและปลอบ จะช่วยทำให้ลูกรู้สึกและเข้าใจว่า จะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก ข้อดีของการกอดลูกช่วยลดอาการเครียดในตัวลูกได้ดีที่สุด การกอดจากพ่อและแม่ ถือเป็นการสัมผัสที่สามารถช่วยลดระดับความเครียดของลูก และอยู่ระดับที่ต่ำ ซึ่งมีการรับรองจากทางการแพทย์เป็นที่เรียบร้อย ข้อดีของการกอดลูกจะช่วยสอนให้ลูกได้รู้จักการให้ และการรับ โดยเมื่อคุณพ่อแม่กอดลูกในบางครั้ง ลูกจะสวมกอดตอบ ซึ่งตรงนี้ก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติ อย่าไปบังคับให้ลูกกอดตอบกลับ เพียงแค่คุณพ่อแม่กอดลูกไปเรื่อยๆ จากนั้นลูกจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง และตอบกลับมาด้วยการแสดงความรัก อย่างเช่นการกอด การซบ การจับแก้มคุณพ่อคุณแม่ ติดตาม เทคนิควิธีการดูแลลูก เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับ พัฒนาการเด็ก แม่และเด็ก ได้ที่นี้ แนะนำ […]

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกหลายๆ ท่าน แล้วกำลังพยายามที่จะฝึกฝนให้ลูกได้ใช้เวลาว่างจากการเล่น หรือสำหรับลูกในวัยเรียน ก็ใช้เวลาหลังเลิกเรียนให้ได้ช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆหมุนเวียนกันทำ หรือทำร่วมกัน ภายในครอบครัว ก็ถือว่าเป็นเหมือนการทำกิจกรรมร่วมกัน และยังเป็นการสอนให้ลูกๆได้รู้จักการช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ ทำให้ลูกได้รู้จักหน้าที่รับผิดชอบและยังมี ข้อดีของการฝึกลูกทำงานบ้าน อื่นๆที่แฝงที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะนึกไม่ถึงเลยก็ได้ รวม 4 ข้อดีของการฝึกลูกทำงานบ้าน ข้อดีของการฝึกลูกทำงานบ้าน ข้อที่1 การที่ลูกมีหน้าที่รับผิดชอบได้ทำงานบ้าน จะทำให้ลูกมีความนับถือตัวเอง หากได้พยายามทำงานบ้านนั้นๆผ่านลุล่วงไปด้วยดี เหมือนประสบความสำเร็จ จะทำให้ลูกรู้สึกอยากจะทำอีกในวันต่อๆไปแล้ว และแสดงถึงการสามารถจะพึ่งพาตัวเองได้ สามารถช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้ ข้อดีของการฝึกลูกทำงานบ้าน ข้อที่ 2 การให้ลูกได้ทำงานบ้าน เป็นการสอนให้ลูกรักความสะอาด และความเป็นระเบียบวินัย อย่างหนึ่งที่ลูกจะได้คือการจัดเก็บของได้มีระเบียบมากขึ้น การทิ้งเศษขยะ ซองขนม ขวดนม ขวดน้ำ เมื่อกินเสร็จจะรู้ว่าควรจะนำไปทิ้งใส่ถังขยะ หรือแม้แต่อุปกรณ์การเรียน ก็จะเป็นระเบียบมากขึ้น ข้อดีของการฝึกลูกทำงานบ้าน ข้อที่ 3 การได้ทำงานบ้านร่วมกันจะสร้างความอบอุ่นในครอบครัว และทำให้ลูกรุ้ถึงวิธีการทำงานเป็นทีม หากสามารถทำงานเป็นทีมได้ก็ส่งผลดีต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รู้จักช่วยเหลือคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เช่น เพื่อนบ้าน เพื่อนที่โรงเรียน คุณครู ซึ่งพัฒนาการที่ดีต่างๆของลูกก็เริ่มจากครบครัวที่อบอุ่นนั่นเอง ข้อดีของการฝึกลูกทำงานบ้าน ข้อที่ 4 การฝึกให้ลูกทำงานบ้านให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย […]

เรื่องความสูงของลูกๆ ก็มีหลายปัจจัยที่มีส่วนที่จะทำให้ลูกสูง ที่รวมไปถึงกรรมพันธุ์จากคุณพ่อคุณแม่ด้วย และก็มีปัจจัยอื่นๆภายนอกที่สามารถจะหาเสริมให้กับลูกในวัยที่กำลังเจริญเติบโตและควรจะได้รับพร้อมกับการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยจะได้ผลดีมากๆ ดังนั้นมาดูกันว่า อาหารเพิ่มความสูงให้ลูก ได้มีอะไรบ้าง แนะนำ 7 อาหารเพิ่มความสูงให้ลูก ผลิตภัณฑ์ที่ทราบกันอยู่แล้วว่า จะช่วยเพิ่มความสูงกับลูกได้คือ นมเป็น อาหารเพิ่มความสูงให้ลูก ได้ดีที่สุดเพราะจะมีแคลเซียม มีวิตามินต่างๆมากมาย คุณพ่อคุณแม่ควรจะให้ลูกดื่มนมให้เป็นนิสัย และเป็นประจำทุกวัน การกินปลาก็สามารถจะช่วยให้ลูกสูงขึ้นได้ ปลาจะมีโปรตีน วิตามินดี ที่จะช่วยเสริมในเรื่องของกระดูก และฟัน ยังมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยเกี่ยวกับผมและผิวหนัง คุณพ่อคุณแม่ควรจะให้ลูกกินปลาอย่างน้อยวันละมื้อ ให้ลูกกินถั่วเหลืองเพื่อช่วยเพิ่มความสูงได้ ถั่วเหลืองจะมีโปรตีนสูงมากๆ รวมไปถึงสารอาหารต่างๆที่ดีต่อสุขภาพและเพิ่มความสูงได้ โดยอาจจะให้ลูก กินนมถั่วเหลือง หรือน้ำเต้าหู้ก็จะดี ให้ลูกกินข้าวโอ๊ต นอกจากจะดีต่อการเจริญเติบโตแล้ว ยังเพิ่มความสูงได้อีก ซึ่งข้าวโอ๊ตจะช่วยให้กระดูกแข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับ ซึ่งอาจจะให้ลูกกินเป็นคุกกี้ธัญพืช ซึ่งจะไม่ทำให้อ้วนด้วย ให้ลูกกินโยเกิร์ต โยเกิร์ตก็มีส่วนผสมของนมเช่นกัน ซึ่งมีโปรตีน วิตามินต่างๆ รวมไปถึงแคลเซียมที่มีผลต่อความสูงของลูก การให้ลูกกินผักโขมก็เป็น อาหารเพิ่มความสูงให้ลูก ได้ เพราะผักโขมจะมีวิตามินหลากหลายมากๆ รวมไปถึงธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งจะทำให้ลูกเจริญเติบโตได้ การกินกล้วย เพราะกล้วยก็มีแคลเซียม และโพแทสเซียม ในการสร้างเสริมกระดูก […]

กับปัญหาในครอบครัว ที่เกิดจากเรื่องต่างๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพ่อและแม่ การไม่เข้าในกัน จากมือที่สามไม่ว่าจะใครก็ตามแต่ จนทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวสั่นคลอน พ่อและแม่ต้องแยกกัน จนจำเป็นจะต้องมีคนใดคนหนึ่งเลี้ยงเดี่ยว มาดูเคล็ดลับที่ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องรู้กันค่ะ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือ ซิงเกิ้ลมัม ต้องรู้ การใช้ระบบสนับสนุนจากบุคคลรอบข้าง เช่น ญาติๆ พ่อและแม่ เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งลูก ก็สามารถที่จะพูดคุย ขอคำปรึกษาได้ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันได้ ซึ่งหลายๆอย่างที่ได้กลับมาอาจจะเป็นแรงพลังให้ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ได้ก้าวเดินต่อไป การรู้จักขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างบ้าง เพราะคุณแม้เลี้ยงเดี่ยวไม่ได้อยู่ในโลกเพียงคนเดียวลำพัง จึงควรจะรู้จักขอความช่วยเหลือเพื่อตัวเองจะได้พักผ่อนบ้าง รู้จักที่จะไว้วางใจคนรอบข้าง ไม่เป็นกังวลมากเกินไป การจัดสรรเวลาว่าจะได้ร่วมทำกิจกรรมกับลูกได้ โดยควรจะให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งก็สามารถจะปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม และสำคัญมากๆคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะต้องให้ความสำคัญกับลูกมากขึ้นกว่าเดิม สร้างกฎระเบียบที่ชัดเจนภายในบ้าน ที่ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กับลูกจะสามารถยอมรับกฏเกณฑ์นั้นๆร่วมกัน กลายเป็นข้อตกลง ภายในบ้าน หากผิดพลาดระดับไหนสามารถจะพูดคุย และต้องแก้ไขอย่างไร บทลงโทษเป็นอย่างไร เป็นต้น การมีสัมพันธ์ที่ดีๆกับลูก ในทุกๆด้าน แต่ไม่ต้องถึงขนาดจุกจิกไปหมดทุกเรื่อง เพราะอย่างไรลูกก็จะเริ่มมีความคิดที่เป็นอิสระ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ควรจะเป็นเหมือนเพื่อน เป็นแม่ และเป็นคนที่คอยให้คำปรึกษา เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดเก็บกดและกลายเป็นเด็กมีปัญหา […]

               ทักษะการฟัง หากเราปลูกฝังพวกเขาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กนั้น มันสามารถส่งผลไปถึงอนาคตของพวกเขาได้ด้วย เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดี จะทำให้การเรียนรู้ของลูกเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งรวมไปถึงการทำตามคำสั่งต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งทักษะการฟังนี้พ่อและแม่สามารถสอนได้เองที่บ้านแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องไปเข้าครอสเรียนให้เปลืองเงินอีกด้วย แต่ต้องมีเวลาและเสียสละเวลาส่วนตัวของตัวเองเท่านั่น เสริมพัฒนาการ ทักษะการฟัง ให้กับลูกน้อย                ซึ่งการฝึก ทักษะการฟัง เราสามารถฝึกเขาตั้งแต่เราท้องเลยก็ได้ เพราะลูกน้อยขณะอยู่ในครรภ์ของแม่ พวกเขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องนี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรเด็กทารกก็จะจดจำและตอบสนองได้ทันที อย่างเสียงของแม่ เมื่อลูกน้อยลืมตามาดูโลก พวกเขาจะร้องออกมาเสียงดังมาก ๆ  แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่ได้ยินเสียงของแม่เท่า ก็ทำให้เสียงร้องของลูกหยุดในทันที เนื่องจากว่าเวลาเราตั้งครรภ์ได้มีการพูดคุยกับลูก หรือเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้เขาฟัง เขาก็จะจำเสียงของแม่ได้ จะทำให้ลูกน้อยสงบลงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย                นอกจากนี้ ทักษะการฟัง ยังเสริมได้หลากหลายวิธีเลย ไม่ว่าจะเป็น การเล่านิทาน การเปิดเพลงบรรเลง การเปิดเทปนิทานโดยให้ฟังแต่เสียง หรือ การพูดคุยและบอกเล่าเหตุการณให้เขาฟัง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดด้วย แถมยังเป็นการสร้างสายใยภายในครอบครัวอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็ช่วยเสริมทักษะให้ลูกของเราได้ ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกน้อยของเราลืมตาดูโลกเลย หากยิ่งฝึกเร็วมันก็จะสามารถช่วยต่อยอดให้เรื่องทักษะอื่น ๆ ได้เร็วเหมือนกัน                เพราะหากลูกของเรามีเขามี ทักษะในการฟัง ที่ดี แน่นอนว่ามันจะช่วยเสริมการเรียนรู้ในด้านอื่น ๆ […]

คุณแม่หลายๆท่านคงกำลังประสบกับปัญหากับเรื่อง ลูกไม่ยอมกินข้าว และกำลังจะหาวิธีแก้ ซึ่งถ้าหากลูกไม่กินข้าว จะมีผลต่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย ดังนั้นคุณแม่จะทำอย่างไรดีล่ะ แต่ก่อนที่เราจะมาหาวิธีแก้ไข ควรจะต้องรู้ก่อนค่ะว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้ลูกไม่ยอมกินข้าว สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ ลูกไม่ยอมกินข้าว แสดงความรู้สึกว่าไม่ชอบอาหารนั้น เมื่อเด็กเริ่มเข้าขวบปีที่ 1 จะเริ่มมีพัฒนาการทางด้านความคิด เริ่มมีความต้องการในการตัดสินใจ การกระทำ การแสดงออกว่า ชอบ หรือไม่ชอบ เป็นสิ่งที่คุณแม่จะต้องสังเกต และพูดคุย หรือโน้มน้าวหาคำตอบว่าลูกมีความต้องการอาหารแบบไหน ลูกมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับอาหารนั้นๆ จึงทำให้ ลูกไม่ยอมกินข้าว เช่น เคยกินอาหารแบบนี้แล้วติดคอ หรืออาหารนั้นๆมีกลิ่นแรงเมื่อกินไปแล้วทำให้อาเจียน ประสบการณ์ต่างๆที่ไม่ดีเหล่านี้ทำให้ลูกไม่อยากจะกินและต้องการจะเลี่ยงอาหารนี้ไป คุณแม่อาจจะให้ลูกกินแต่อาหารเดิมๆไม่หลากหลายมาก่อนตั้งแต่แรก ซึ่งเหมือนเป็นตามใจลูกเพราะคิดว่าอาหารที่ให้นั้นลูกจะชอบเป็นพิเศษและจะกินได้มาก แต่จริงๆแล้วเป็นการสร้างนิสัยให้ลูกเลือกกิน จนกลายเป็นว่าลูกกินอาหารยาก จะกินแต่อาหารแบบเดิมๆ ลูกกินอาหารยาก เพราะอาจจะเป็นที่ลูกมีพฤติกรรมที่ปรับตัวรับความแปลกใหม่ได้ยาก ไม่ยอมปรับนิสัยเรื่องกิน ไม่ยอมลองกินอาหารแบบอื่น จะกินวนๆอยู่แต่ที่ลูกชอบ หากไปเปลี่ยนให้ก็จะรั้นไม่ยอม ซึ่งตรงนี้มีผลทำให้ลูกอาจจะได้รับสารอาหารได้ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ลูกมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่เจริญเติบโตขึ้น อาจจะมีผลให้ลูกกินอาหารได้น้อยลง ซึ่งคุณแม่สามารถจะสังเกตได้ จริงๆแล้วการสร้างนิสัยต่างๆให้กับลูกเริ่มจากคุณพ่อคุณแม่ ไม่ควรจะตามใจลูกมากจนเกินไปหรือ เอาความสะดวกของคุณแม่เป็นหลัก เพราะเมื่อลูกซึมซับพฤติกรรมผิดๆไปแล้ว จะแก้ไขทีหลังก็ยากพอสมควร เหมือนกับปัญหา ลูกไม่ยอมกินข้าว นี้ ดังนั้นควรเริ่มสร้างนิสัยในเรื่องการกินอาหารให้ลูกก่อนอันดับแรก […]

พัฒนาการของลูกไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม การนอนก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วในแต่ละช่วงอายุ จะมีการนอนหลับเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูก ซึ่งถ้าหากลูกนอนได้ตามเวลาต่างๆ คุณพ่อและคุณแม่ก็สบายใจได้เลยว่าในวัยแรกเกิด จะมีเวลานอนส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 16 ชั่วโมงขึ้นไปวัย 3 เดือน จะนอนกลางวัน 4 ชั่วโมง นอนกลางคืน 8 ชั่วโมงวัย 6 เดือน จะนอนกลางวัน 3 ชั่วโมง นอนกลางคืน 9  ชั่วโมงวัย 1 ขวบ จะนอนกลางวัน 2 ชั่วโมง นอนกลางคืน 9 ชั่วโมง สาเหตุต่างๆที่ส่งผลให้ ลูกตื่นกลางดึก ซึ่งถ้าหากคุณพ่อและคุณแม่ใส่ใจดูแล และสังเกตดีๆจะรู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไร และในคืนต่อไปก็สามารถจะแก้ไขได้ และก็จะหมดความกังวลและนอนหลับสบายกันทั้งครอบครัวเลย สาเหตุต่างๆ ที่ส่งผลให้ ลูกตื่นกลางดึก ลูกตื่นกลางดึกเพราะอาจจะรู้สึกไม่สบายตัว เช่นในห้องนั้นๆร้อนเกินไปหรือเย็นจนเกินไป ลูกตื่นกลางดึกเพราะเกิดฝันร้ายหรือไม่ หรืออาจจะเพราะละเมอเนื่องจาก ตอนกลางวันลูกเล่นมากจนเกินไป ลูกตื่นกลางดึกเพราะอาจจะเกิดจากอาการเจ็บป่วย เช่นปวดท้อง ท้องอืด มีอาการไข้ ซึ่งจริงๆแล้ว ตรงนี้คุณแม่สามารถจะรับรู้และสังเกตได้ ถ้าลูกมีอาการท้องแข็ง […]

เมื่อลูกย่างเข้าสู่วัย 1 ขวบ หากคุณพ่อคุณแม่มีการสังเกตลูกดีๆ จะได้เห็น พัฒนาการเด็กวัย1ขวบ อย่างชัดเจนมากๆ โดยที่ลูกจะเริ่มเรียกแม่ได้ หรือในบางครั้งถ้ามีการคลุกคลีกับพ่อมากกว่า ก็อาจจะเรียกพ่อได้ก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างไร และจะเริ่มรู้จักปฎิเสธ หากไม่ต้องการสิ่งนั้น โดยการส่ายหัว และเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆจากคนรอบข้าง ดังนั้นควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ดับลูกนะคะ เพราะลูกเริ่มจะจดจำและทำตามแล้วล่ะค่ะ สังเกต พัฒนาการเด็กวัย1ขวบ ไปพร้อมๆกัน เด็กๆ นั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าจะให้นั่งนิ่งๆ พัฒนาการเด็กวัย1ขวบ เริ่มจะต้องการเรียนรู้ สนใจ สิ่งต่างๆรอบตัว หากจะหาของเล่นเสริมพัฒนาการมาก็จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณพ่อและคุณแม่ควรดูแลและสอนไปด้วยอย่างใกล้ชิด และมีการเล่น หรือร่วมสนุกไปกับลูกน้อยไปด้วยก็จะดีมากๆเลย การปล่อยให้ลูกไปอย่างลำพังจะไม่ได้ช่วยให้พัฒนาการของลูกดีขึ้น มันจะเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์มากๆ พัฒนาการเด็กวัย1ขวบ ในขณะที่กำลังเล่นอยู่นั้น เขาจะได้อะไรบ้างจากสิ่งที่เขาได้เล่น ได้สัมผัสบ้าง คุณพ่อคุณแม่เคยได้สังเกตไหม พัฒนาการทางด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยในการเล่น จะช่วยในเรื่องของ ตา หู จมูก ปาก และผิวหนัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกร่วมทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างการให้ชิมขนมต่างๆ การเลือกสีที่ชอบ หรือการเปิดเพลงให้ฟังควรจะเป็นเพลงที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ การเสริมสร้างพัฒนาการเรื่องสมาธิสติปัญญา เช่นการใช้ของเล่นเสริมทักษะช่วย ซึ่งคุณพ่อแม่จะต้องช่วยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆด้วย […]

               การนอนของเด็กทารก ในแต่ละช่วงวัยและช่วงเวลา ที่คุณแม่ควรทราบ จะมีความแตกต่างกันออกไป เพราะพวกเขาได้มีการเจริญโตตามวัย รวมไปถึงพัฒนาการต่าง ๆ ของทางด้านร่างกาย ซึ่งการนอนนั้นเมื่อเริ่มโตขึ้นเขาก็จะนอนกลางวันน้อยลง และทำกิจกรรมมากขึ้น ทำให้เราสามารถเลือกที่จะฝึกระเรียบวินัยของการนอนในแต่ละช่วงวัยให้เหมาะสมกับตัวเขาได้ เพื่อให้ลูกน้อยของเราได้รู้จักเวลา ซึ่งก็เหมือนเป็นการฝึกระเบียบวินัยให้พวกเขาเข้านอนอย่างเป็นระบบนั่นเอง โดยการนอนนั้นได้แบ่งออกเป็น 4 ช่วงวัยดังนี้ การนอนของเด็กทารกในวัยต่างๆ วัยแรกเกิดถึง 3 เดือน-ในวัยนี้มักจะนอนเป็นส่วนใหญ่เพราะเขายังไม่สามารถที่จะปรับตัวได้ จึงทำให้มีความแตกต่างในเรื่อง การนอนของเด็กทารก ในวัยนี้ค่อนข้างชัดเจนเลย ซึ่งใน 1วันทารกในช่วงนี้สามารถนอนได้ถึง 17 – 18 ชั่วโมงต่อวัน เพียงแค่จะตื่นมากินนมเท่านั้นเอง แต่ในเด็กบางรายอาจจะนอนไม่ถึงหรือนอนมากว่านี้ก็ได้ วัย 3 เดือน ถึง 6 เดือน-ถ้าจะพูดถึง การนอนของเด็กทารก ในวัยนี้นั้น เขาจะเริ่มปรับตัวได้แล้ว ทำให้ชั่วโมงในของการหลับนั้นลดน้อยลง ซึ่งมันจจะเป็นไปตามวัยของเขาเอง ซึ่งช่วงวัยนี้ เด็กทารกจะค่อยเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของเวลามากขึ้น ทำให้การทิ้งช่วงของการนอนนั้นเริ่มนานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง วัย 6 เดือน ถึง 9 เดือน-โดยในวัยนี้นับว่าเวลาของการนอนก็จะเริ่มเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งพวกเขาจะนอนกลางวันเพียง แค่ วันละ […]