ถ้าคุณมีลูกน้อยที่เป็น เด็กถนัดซ้าย ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะจากงานวิจัยมากมายระบุว่ามีแนวโน้มว่าเด็กที่ถนัดซ้ายมักจะมีพรสวรรค์และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี แต่บางครั้งความถนัดซ้ายก็อาจสร้างปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขาได้ แต่ถ้าคุณเข้าใจและได้ช่วยเขา ก็จะทำให้เขาภูมิใจกับสิ่งนี้และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นมาก ต้องแก้ไขไหมถ้า เด็กถนัดซ้าย อันที่จริงแล้วการที่เด็กถนัดซ้ายไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไข เพราะแม้ในชีวิตประจำวันเครื่องใช้ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกจะออกแบบมาสำหรับคนที่ถนัดขวา เนื่องจากคนถนัดขวามีปริมาณมากกว่าเยอะ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอุปสรรคใหญ่โต เพียงแต่ถ้าคุณควรฝึกให้เด็กใช้มือขวาได้ด้วยก็จะดีมาก และยังช่วยให้เขาดูโดดเด่น และทำอะไรได้มากขึ้นเมื่อถนัดทั้งสองมือ โดยเฉพาะในทักษะทางการกีฬา ที่หากสามารถใช้ได้ทั้งสองมือก็จะได้เปรียบมาก ปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กถนัดซ้าย จริงอยู่ว่าโลกนี้มีคนถนัดขวามากกว่าคนถนัดซ้าย ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จึงออกแบบมาสำหรับคนถนัดขวา ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เกิดปัญหากับเด็กถนัดซ้ายจนเด็กอาจรู้สึกหงุดหงิด เช่น -กรรไกรส่วนใหญ่ที่ออกแบบสำหรับคนที่ถนัดขวา -ลูกบิดประตูที่ออกแบบสำหรับคนที่ถนัดขวา ทำให้เวลาเปิดแล้วรู้สึกฝืนมือ -แม้แต่การเขียนหนังสือแบบไทย เราก็จะเขียนจากซ้ายไปขวา ทำให้บางครั้งคนที่ถนัดซ้าย มือก็จะเปื้อนหมึกปากกาที่ยังไม่แห้ง และทำให้เกิดรอยสกปรกเวลาเขียนได้ง่าย -กีตาร์คือปัญหาหนึ่งของคนเล่นกีตาร์ที่ถนัดมือซ้าย ดูแลเด็กถนัดซ้ายให้ใช้ชีวิตประจำวันง่าย -เลือกซื้อของจากร้านที่ขายของสำหรับคนถัดซ้ายที่เด็กถนัดซ้ายใช้ได้โดยเฉพาะ เพื่อบอกให้เด็กรู้ว่าคุณแคร์เขาแค่ไหน และข้าวของที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ถนัดซ้ายก็มีมากมาย เช่น เมาส์ มีด กีตาร์ กรรไกร ที่เปิดกระป๋อง   -การจัดวางข้าวของในบ้าน หากเป็นของที่เด็กจำเป็นต้องใช้บ่อย ๆ คุณก็ควรอำนวยความสะดวกให้เขาด้วยการวางให้เหมาะสำหรับเด็กที่ถนัดซ้าย […]

สังคมไทยมักไม่นิยมพูดชมลูก เพราะเกรงว่าจะทำให้เด็กคิดว่าตัวเองเก่งจนเหลิง และทำตัวให้เป็นที่หมั่นไส้ของคนอื่น ซึ่งจะทำให้อยู่ในสังคมยาก แต่ความจริงแล้วการชมลูกอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เขาเป็นเด็กที่มีความภาคภูมิใจ แต่ไม่ผยองจนเกินงามและไม่คิดดูถูกคนอื่นด้วย วันนี้เราจึงมาแนะนำ เทคนิคชมลูกให้เหมาะสม ให้กับทุกท่าน เพื่อนำไปปรับใช้ กับลูกของเราได้อย่างเหมาะสม แนะนำ เทคนิคชมลูกให้เหมาะสม แบบพอดีๆ ทำไมจึงควรพูดชมเชยลูก เด็กทุกวัยโดยเฉพาะวัยที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นก็มักจะชื่นชอบหากมีใครมาชมเชยหรือยกย่องเขา เพราะเด็กวัยนี้จะรู้สึกมั่นใจในตนเอง คิดว่าตนดี หรือมีความพิเศษมากกว่าคนอื่น ดังนั้นเมื่อได้รับคำชมเขาก็จะตัวลอย และถ้าคนที่ชมเขาคือพ่อแม่เขาเอง เขาก็จะรู้สึกดีกับคุณ และเชื่อฟังพ่อแม่ที่เห็นคุณค่าเขามากขึ้นซึ่งถ้าคุณอยากให้ลูกเชื่อฟัง คุณก็ควรจะรู้จักชมเชยเขาบ้างตามสมควร เทคนิคชมลูกให้เหมาะสม พ่อแม่ควรจะยึดหลักการจะชมเชยลูก ดังนี้ –เทคนิคชมลูกให้เหมาะสมพ่อแม่ควรชมลูกด้วยความจริงใจ ทั้งสีหน้าแววตา น้ำเสียงจึงควรเป็นธรรมชาติ อย่าดัดจนเหมือนเล่นละคร –เทคนิคชมลูกให้เหมาะสมชมแบบพอดี ชมด้วยข้อเท็จจริง ไม่ต้องใส่น้ำหรือความรู้สึกมากเกินไป –เทคนิคชมลูกให้เหมาะสมควรชมแบบพอดี ๆ อย่าเยอะ อย่ายาว ให้มีความกระทัดรัดน่าฟัง –เทคนิคชมลูกให้เหมาะสมควรจะเป็นเรื่องที่คุณคิดว่าเขาน่าจะต้องการคำชมนั้น เช่น เด็กผู้หญิงก็มักจะชอบให้ชมเรื่องหน้าตา หรือรูปลักษณ์ ส่วนเด็กผู้ชายก็จะชอบให้ชมเรื่องความสามารถ ความเก่งกาจต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่าแม้จะเป็นลูกสาวก็ควรใส่ใจชมเรื่องความสามารถของเด็กด้วย เพราะเด็กต้องการให้คนสนใจเรื่องความสามารถหรือความเก่งของเขาเป็นพิเศษ หากลูกสาวของคุณมีความสามารถ หรือทำอะไรได้ดี ก็ควรชมที่ความสามารถของเธอร่วมด้วย –เทคนิคชมลูกให้เหมาะสมอีกวิธีคือ คุณควรชมเขาในทันทีที่เกิดเหตุการณ์นั้น ๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าคุณสนใจเขา […]

พ่อแม่หลายคนเชื่อว่าการ “สั่ง” แล้วเด็กทำตามคือการเชื่อฟังที่แท้จริง แต่ความจริงก็คือ เด็กหลายคนเลือกที่จะทำเพราะความกลัว รู้สึกถูกบังคับ และไม่เต็มใจ ซึ่งถ้าเด็กรู้สึกเช่นนี้บ่อย ๆ ก็จะทำให้เขาขาดความมั่นใจ ขี้กลัว และเข้าใจว่าหากต้องขอความช่วยเหลือจากใครก็ต้องสั่งคนนั้น โดยไม่เข้าใจว่าการสั่งไม่ใช่มารยาทที่ดีหรือเป็นสิ่งที่สมควรทำ ดังนั้นมาดู เทคนิคการสั่งลูก ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กทำตามด้วยความเต็มใจและรู้สึกดี                     แนะนำ เทคนิคการสั่งลูก ให้เด็กทำตามด้วยความเต็มใจและรู้สึกดี     เทคนิคการสั่งลูกติดโทรศัพท์หรือติดเกม งดการออกคำสั่งว่า            ลูกต้องเลิกโทรศัพท์เดี๋ยวนี้เลย! ใช้คำพูดใหม่แบบนี้สิ        เดี่ยวหนูค่อยกลับมาคุยโทรศัพท์กับเพื่อนนะจ๊ะ      งดการออกคำสั่งว่า            หมดเวลาเล่นเกมแล้วนะ หยุดเล่นเดี๋ยวนี้เลยนะ! ใช้คำพูดใหม่แบบนี้สิ        เลยเวลาเล่นเกมแล้วนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่นต่อเนาะ เทคนิคการสั่งลูกไม่ยอมช่วยงานบ้าน งดการออกคำสั่งว่า            ไปเอาผ้ามาซักด่วนเลยนะ อย่าทำให้แม่โกรธไปมากกกว่านี้ ใช้คำพูดใหม่แบบนี้สิ        ลูกรีบไปเอาเสื้อผ้ามาซักนะ เดี่ยวแดดจะหมดเสียก่อน งดการออกคำสั่งว่า            ลุกขึ้นมาทำงานบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะยัยเด็กขี้เกียจ ใช้คำพูดใหม่แบบนี้สิ        วันนี้หนูลองมาช่วยแม่จัดบ้านนะ จะได้เสร็จเร็ว ๆ และบ้านเราจะได้สวยขึ้นไปอีก เทคนิคการสั่งลูกไม่ยอมอ่านหนังสือเรียน งดการออกคำสั่งว่า            เธอต้องอ่านหนังสือสอบถ้าไม่อยากสอบตกอีก ใช้คำพูดใหม่แบบนี้สิ        ถ้าลูกอยากสอบผ่าน ไม่ต้องเสียเวลามาแก้เกรด วันนี้ลูกก็ต้องอ่านหนังสือสอบนะ […]

แม้ลูกน้อยของคุณจะยังอ่านหนังสือไม่คล่องเพราะยังเด็กเกินไป แต่คุณก็ควร ส่งเสริมให้เด็กรักการอ่าน ตั้งแต่ยังเล็ก  เพื่อให้เขามีนิสัยรักการอ่าน ไม่ปฏิเสธการเรียนในห้องและนอกห้อง ซึ่งทั้งสองแบบต่างก็ต้องมีหนังสือเป็นสื่อให้ความรู้ทั้งนั้น และนี่คือ 6 เหตุผลดี ๆ ที่พ่อแม่ควร ส่งเสริมการอ่านให้ลูกน้อย มีอะไรบ้าง มาดูกัน ส่งเสริมการอ่านให้ลูกน้อย ตั้งแต่วัยเด็ก ดีอย่างไร ส่งเสริมการอ่านให้ลูกน้อยตั้งแต่ยังเล็ก มีข้อดีคือ ช่วยฝึกสมาธิให้เด็ก เมื่อเด็กอ่านหนังสือ จิตใจและสมองของเด็กจะจดจ่ออยู่ที่ตัวหนังสือที่อ่าน ดังนั้นช่วงนี้เองจึงเกิดสมาธิ และสมาธินี้ก็จะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างเต็มที่ทันที และไม่เกิดความสับสนว้าวุ่น ส่งเสริมการอ่านให้ลูกน้อยตั้งแต่ยังเล็ก มีข้อดีคือ ช่วยทำให้ความจำดี ยิ่งเด็กอ่านมากก็จะยิ่งทำให้ความจดจำของเขาดีขึ้น เพราะเหมือนเขาได้ทบทวนเนื้อหาบ่อย ๆ ก็จะเกิดการจดจำได้อย่างแม่นยำ ส่งเสริมการอ่านให้ลูกน้อยตั้งแต่ยังเล็ก มีข้อดีคือ เปิดโลกทัศน์ให้เด็ก บางครั้งเด็กอาจไม่รู้บางเรื่องจนเขาได้มาอ่านมาเจอนี่แหละ ซึ่งการอ่านถือว่าเป็นการเปิดมุมมองโลกใบใหม่ หรือเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เด็ก และบางทีเขาอาจพบว่าเขาเจอสิ่งที่ชอบหรือใช่จากเรื่องที่อ่านนั่นเอง ส่งเสริมการอ่านให้ลูกน้อยตั้งแต่ยังเล็ก มีข้อดีคือ พัฒนาทักษะทางภาษาให้ลูกน้อย เด็กที่อ่านมากย่อมได้เปรียบทางการใช้ภาษามากกว่าเด็กที่ไม่ค่อยได้อ่าน ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าเด็กที่อ่านเยอะ ๆ ก็มักจะมีการใช้ภาษาที่ดี สละสลวย ถูกต้อง เขียนคำสะกดคำได้ถูก ผิดกับเด็กที่อ่านน้อย แม้คำง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันก็ยังเขียนผิด […]

ปัญหาเรื่องของการกินยากของลูก เป็นอีกปัญหาที่พ่อแม่หลาย ๆ คนนั้นไม่สบายใจ ซึ่งทำให้ลูกของเรานั้นไม่เจริญอาหาร วันนี้แอดอยากจะมา แนะนำ 3 เทคนิคแก้ปัญหาลูกกินยาก บอกเลยว่าเป็นปัญหาลูกกินยายากจะหมดไป เทคนิคแก้ปัญหาลูกกินยาก ปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่ หลายๆ บ้านต้องพบเจอ เทคนิคแก้ปัญหาลูกกินยาก ที่บอกเลยว่ามีความสำคัญและพ่อแม่ไม่ควรที่จะมองข้าม เทคนิคแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ มีการเปลี่ยนแปลง มื้อเมนูอาหารให้มีความน่าทานและไม่ซ้ำจำเจ ทำให้มีความน่าเบื่อ จะช่วยเสริมให้ลูกนั้นทานอาหารได้ง่ายขึ้นและลดปัญหาการทานยากลงไปได้ เทคนิคแก้ปัญหาลูกกินยาก ที่บอกเลยว่ามีความสำคัญและพ่อแม่ไม่ควรที่จะมองข้าม เทคนิคที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ช่วยปรับเรื่องเวลาให้ลูกนั้นกินข้าวเป็นเวลา จะช่วยให้ชิน และทานข้าวได้เป็นเวลามากยิ่งขึ้น ไม่ควรมีมื้อแยกให้ทานบ่อยมากนั้น ขนมเลือกทานได้เมื่อทานข้าว ลดปัญหาการกินยากแน่นอน เทคนิคแก้ปัญหาลูกกินยาก ที่บอกเลยว่ามีความสำคัญและพ่อแม่ไม่ควรที่จะมองข้าม เทคนิคที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ฝึกให้ลูกทานอาหารด้วยตัวเอง เป็นอีกวิธีที่ทำให้ลูกนั้นทานได้ และไม่อยู่ในภาวการณ์กินยาก ทั้งหมดก็เป็นเทคนิคแก้ปัญหาลูกกินยากในบางส่วนเท่านั้น บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและพ่อแม่ไม่ควรมองข้าม ลองเอาไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์แต่ละบ้านดูได้ babygiveawaysgalore ที่นี้มี เทคนิคดีๆ สำหรับ การเลี้ยงลูก เรื่องราว แม่และเด็ก เคล็ดลับ มากมายมาฝากทุกคนๆ และยังมีแหล่งทำเงินออนไลน์ สล็อตฟาโรห์ ให้ทุกคนได้ร่วมเล่น ร่วมลงทุน หารายได้เข้าบัญชีได้ง่ายๆ อีกด้วย รวมสูตร ข้าวต้มสำหรับลูกน้อย […]

ลูกรักของคุณจะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ คุณต้องเริ่มจาก การสร้าง EQ ที่ดีให้ลูก เพื่อให้เขามีความสุขได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เขาก็จะแข็งแกร่ง ภูมิใจในตนเอง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่ดีได้ รวมเทคนิค การสร้าง EQ ที่ดีให้ลูก เข้าใจพัฒนาการของลูกน้อย อันดับแรกในการสร้าง EQ ที่ดีให้ลูกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าในวัยของลูกคุณ เขาสามารถทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าคุณพยายามผลักดันให้เขาทำในสิ่งที่ยังไม่ถึงวัย เขาย่อมทำไม่ได้หรือได้ผลไม่เต็มที่ และเขาก็จะรู้สึกล้มเหลวผิดหวัง และอาจทำให้เขาขาดความสุข ดังนั้นการศึกษาพัฒนาการของเด็กแต่ละวัยจึงเป็นสิ่งที่คุณสมควรเรียนรู้ พ่อและแม่ต้องช่วยกันเลี้ยง สังคมไทยมักปล่อยให้หน้าที่การเลี้ยงลูกเป็นของแม่คนเดียว ขณะที่พ่อออกไปทำงานหาเงิน แต่ถ้าคุณอยากให้ลูกน้อยมีความฉลาดทางอารมณ์การสร้าง EQ ที่ดีให้ลูกคุณก็ควรมีส่วนช่วยเลี้ยงลูกทั้งพ่อและแม่ เพื่อให้เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ จากพ่อและแม่ และเห็นมุมมองของคุณทั้งสอง เพื่อนำมาปรับใช้กับชีวิตของเขา เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้อย สิ่งสำคัญที่สุดในการสอนลูกน้อย และทำให้ลูกมี EQ สูงก็คือ เขาจะต้องเห็นแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ เพราะหากคุณสอนแต่สิ่งที่ดี แต่ตัวคุณกลับทำตรงกันข้าม เขาย่อมจะเกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจ และเห็นว่าทำสิ่งผิดๆ ก็ได้ ขนาดพ่อแม่เขายังทำได้เลย และถ้าคุณไม่นำพาเขาไปในทางที่ถูกต้อง เขาก็เดินผิดทางเหมือนคุณ ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน อย่าลืมให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกห้องเรียนดูบ้าง  เช่น งานศิลปะ การทำอาหาร การทำสวนครัว เย็บปักถักร้อย […]

การทำให้ลูกเชื่อฟังว่ายากแล้ว แต่การทำให้เขาเชื่อฟังอย่างเต็มใจยิ่งยากกว่า ดังนั้นคุณจึงควรสอนให้เขาเชื่อฟังด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพราะการบังคับ แล้วเขาจะเข้าใจเองว่าที่คุณทำไปทั้งหมดก็เป็นเพราะความรัก ดังนั้นการนำ เทคนิคสอนลูกให้เชื่อฟัง นี้ไปใช้ก็จะช่วยคุณได้มาก แนะนำ เทคนิคสอนลูกให้เชื่อฟัง เป็นเด็กไม่ต่อต้าน หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา บางครั้งลูกของเราก็อาจจะดื้อ ไม่เชื่อฟัง ไม่ได้มาจากการไม่เคารพพ่อแม่ แต่อาจจะมาจากสาเหตุอื่นๆ ในขณะนั้น เช่น หงุดหงิดจากเพื่อนที่โรงเรียน โดนแกล้งมา ถูกล้อเลียน ไม่พอใจที่คุณไม่สนใจเขา หรือเจ็บป่วย คุณจึงต้องมองให้รอบด้าน ดูว่าแท้จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่เชื่อฟัง เหตุผลที่ทำให้เด็กดื้อหรือต่อต้าน มาจากอะไรกันแน่ ซึ่งบางทีก็เป็นสาเหตุที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ในตอนนั้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้เป็น เทคนิคสอนลูกให้เชื่อฟัง ที่คุณจะแก้ไขปัญหาให้เขาได้อย่างตรงจุด ฟังเขาให้มาก พูดให้น้อยๆ พ่อแม่ควรฟังลูกให้มากๆ เพราะแม้ว่าคุณอยากจะสอนหรือแนะนำเขา โดยการเอาแต่พูดฝ่ายเพียงฝ่ายเดียว แต่คุณกลับไม่ยอมรับฟังเขาเลย เด็กก็จะรู้สึกว่าพ่อแม่เอาแต่ยัดเยียดบังคับเขา เพื่อให้ทำตามความต้องการของพ่อแม่เพียงเท่านั้น แบบนี้นอกจากเด็กจะไม่อยากฟังแล้วก็มีแต่จะยิ่งดื้อด้านต่อต้านมากขึ้น ดังนั้น เทคนิคสอนลูกให้เชื่อฟัง คุณจึงควรเปิดหูเปิดใจรับฟังเขาให้มากๆ บางทีคุณจะพบว่าความต้องการของเขาที่ขัดแย้งกับความต้องการของคุณ ก็สามารถหาจุดตรงกลางเพื่อทั้งสองฝ่ายได้ น้ำเสียงอ่อนโยน พ่อแม่ที่มักสอนลูกด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน หรือถึงขั้นตะโกนโวยวาย แบบนี้เด็กจะเชื่อฟังแต่ไม่เต็มใจ และยังเป็นการสร้างความกลัว ความกังวลให้เกิดขึ้นในใจเขาด้วย ดังนั้นพ่อแม่ที่ดีจึงควรสอนลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพื่อให้เขาสัมผัสได้ถึงความรักของคุณ และเขาก็จะไม่รู้สึกต่อต้านแต่อยากทำตามด้วยความเต็มใจ […]

การอ่านนิทานก่อนนอนสามารถช่วยบำบัดอาการต่าง ๆ ได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้การอ่านนิทานก่อนนอนยังช่วยปลูกฝังให้ลูกของเราเป็นผู้รักการอ่าน และชอบในการอ่านหนังสือภายในอนาคตอีกด้วย และยังรวมไปถึงช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมได้ตามวัย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสารสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้แน่นแฟ้น จึงถือได้ว่าการอ่าน นิทานก่อนนอน คือยาวิเศษที่ทำให้ปัญหาภายในครอบครัวลดลงได้ นิทานก่อนนอน จะช่วยให้เด็กสงบ และเป็นผู้ฟังที่ดีได้ เพราะการอ่านนิทานก่อนนอนจะช่วยให้เด็กสงบลง ยังสามารถกลับกลายมาเป็นผู้ฟังที่ดี ซึ่งข้อนี้จะทำให้อาการและโรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่สงบลงชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นอาการของสมาธิสั้น อาการไม่นิ่ง หรือแม้แต่โรคไฮเปอร์เอง ก็สามารถหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้ และนิทานก่อนนอนก็เปรียบเสมือนเป็นยาวิเศษ ที่สามารถใช้ได้เลยเพราะมันจะเห็นผลในทันที ซึ่งถ้าหากใช้วิธีนี้ในระยะยาว โรคหรืออาการพวกนี้ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับไปด้วย โดยแพทย์เองก็ยังแนะนำวิธีนี้ให้กับผู้ปกครองหลาย ๆ คน ที่บุตรหลานได้มีปัญหาเกี่ยวกับโรคพวกนี้ รวมไปถึงงานวิจัยมากมาย ได้ออกมารับรองผลเกี่ยวกับการอ่านนิทานก่อนนอนนี้ด้วยว่า การอ่านนิทานก่อนนอนนั้นจะช่วยให้เด็กรู้สึกสงบ อบอุ่น ทำให้พวกเขามีสมาธิในการจดจ่อ เกี่ยวกับเรื่องราวของนิทานในวันนั้น อีกทั้งยังนั่งอดทนรอได้เพื่อที่จะฟังนิทานให้จบ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เองก็จะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนให้เด็กมีสมาธิและลดอาการต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิมและจากการลองหลาย ๆ วิธีมาแล้วไม่ว่าจะการวาดรูป การปั้นดิน การเล่นเกมฝึกสมอง ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน แต่พวกนี้ก็ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าที่จะเห็นผล ส่วนการใช้วิธีในการอ่านนิทานก่อนนอนนั้น สามารถที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ในทันทีเลย จึงทำให้ต้องใช้วิธีนี้ในการช่วยบำบัดรักษาอาการต่าง ๆ  และปรับนิสัยให้พวกเขากลับมาสู่สภาวะปกติเหมือนเดิม […]

การแบ่งปัน ถือเป็นเรื่องที่ควรปลูกฝังลูกของเราให้เขาได้มีนิสัยนี้ ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มจะจำความได้ เพราะเมื่อเขาเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในภายภาคหน้า เขาจะได้รู้จักการแบ่งปันให้ผู้อื่นและรู้จักการเป็นผู้ให้ที่ดี และเมื่อพวกเขาได้ซึมซับกับการที่รู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น เขาจะได้เรียนรู้ถึงมีการน้ำใจ การมีเมตตา การไม่เบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งเป็นหลักคุณธรรมที่มนุษย์ทุกคนควรมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ปลูกฝัง การแบ่งปัน ให้กับลูก ตั้งแต่เล็กๆ เป็นเรื่องดี ซึ่งเรื่องของการแบ่งปันนั้น เราก็ควรที่จะเริ่มจากตัวเองก่อน โดยเริ่มจากการทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาได้เห็นเกี่ยวกับการแบ่งปันให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการมีน้ำใจ หรือ การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ  และสอนให้เขาได้ลงมือทำด้วยตัวของเขาเอง ถึงแม้เราอาจจะมองว่าเขาเด็กเกินไปที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ความเป็นจริงแล้วลูกของเราเขาจะสามารถซึมซับเรื่องราวดี ๆ นี้ได้แทบจะตลอดเวลา เพียงแค่เราทำให้เขาได้เห็นแค่นั้น ถึงแม้ว่ามันต้องใช้เวลาในการสั่งสอนเขาก็ตาม แต่เราจะเห็นผลของนิสัยที่เกี่ยวกับการแบ่งปันนี้ในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะเมื่อเขาได้ทำในเรื่องราวที่ดี ๆ เหล่านี้ พวกเขาก็จะมีความสุขกับการเป็นผู้ให้อยู่เสมอ และความรู้สึกพวกนี้มันจะเชื่อมโยงเข้าไปในภายจิตใจของพวกเขา ทำให้เด็กที่ได้รับการปลูกฝังในเรื่องการแบ่งปันนี้ มักจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตในสังคมมากว่าเด็กที่ไม่ได้รับการสั่งสอนมา นอกจากนี้พวกเขาก็จะมีนิสัยที่ไม่เห็นแก่ตัวด้วย เพราะด้วยจิตสำนึกที่ได้รับการปลูกฝังมา จะทำให้เขากลายเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รับฟังเหตุผลของอื่น ไม่เอาความรู้สึกของตัวเองมาสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้าง รวมไปถึงการมีน้ำใจในการช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย จึงเรียกได้ว่าการสอนให้เขารู้จักการแบ่งปันนั้น สามารถทำให้นิสัยของเขาไม่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในสังคม อีกทั้งยังทำให้เขาได้พบกับความสุขที่แท้จริงอีกด้วย ต้องการค้นหา เทคนิคดีๆ สำหรับ การเลี้ยงลูก เรื่องราว เคล็ดลับ การดูแลลูก เรื่องน่ารู้ แม่และเด็ก babygiveawaysgalore มีให้ท่านได้ค้นหา อย่างครบถ้วน […]

ถ้าหากบ้านไหนที่เริ่มจะมีปัญหาการสื่อสารกับลูกน้อย จนเริ่มมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไร คุณพ่อคุณแม่ทุก ไม่ควรปล่อยผ่านหรือนิ่งเฉย และหากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ อาการของความก้าวร้าวของเด็กจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งเด็กในยุคสมัยนี้ต้องใช้เหตุผลในการพูดคุยกันเป็นส่วนใหญ่ จึงจะเชื่อฟังและยอมทำตามคำสั่ง แต่ก็มีวิธีหนึ่งที่สามารถ ลดอาการก้าวร้าวในเด็ก ได้ นั้นก็คือการพูดที่ประณีประนอมโดยใช้เทคนิคของวาทศิลป์นั่นเอง แนะนำ การใช้วาทศิลป์ ลดอาการก้าวร้าวในเด็ก ซึ่งสมัยนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะปวดหัวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กับความก้าวร้าวของลูกที่ดูเหมือนว่าจะมีมากขึ้นทุกวัน ถึงกับต้องไปพบแพทย์กันเลยก็มี เพื่อที่จะปรึกษาและหาวิธีในการลดอาการก้าวร้าวในเด็กให้น้อยลง และในปัจจุบันมีแนวโน้มว่า เด็กที่มีพฤติกรรมเช่นนี้อายุก็จะยิ่งน้อยลงขึ้นทุกที ซึ่งไม่ต้องรอให้โตหรือเข้าชั้นประถมวัยก็เป็นกันแล้ว   โดยเทคนิคในการลดอาการก้าวร้าวในเด็กที่แพทย์ส่วนใหญ่ใช้กันก็คือ เทคนิคการพูดเพราะการพูดถือเป็นวิธีหนึ่งในการสื่อสาร ที่สามารถปรับความเข้าใจและปรับควารรู้สึกได้ดีกว่าเทคนิคอื่น ๆ เนื่องจากว่าการพูดคุยที่ใช้ถ้อยคำที่ดีต่อกัน จะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของลูกเรามากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดใจและยอมรับความฟังความคิดเห็นของพวกเขาได้ และเมื่อสื่อการกันเข้าใจแล้ว จะสามารถช่วยลดอาการก้าวร้าวในเด็กอย่างเห็นผลได้ชัดเจนเลย เพราะเทคนิคการพูดที่คุณหมอจะแนะนำให้เราไปปรับใช้ เพื่อลดอาการก้าวร้าวในเด็กนั่นจะใช้เทคนิคที่ค่อนข้างนุ่มนวล เป็นคำพูดสร้างสรรค์ที่แฝงได้ด้วยถ้อยคำของพลังบวก เมื่อเด็กหรือลูกของเราได้ฟังคำพูดเหล่านี้ พวกเขาก็เกิดความเข้าและทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวดีขึ้น และครอบรัวที่มีปัญหาในเรื่องของความก้าวร้าวนี้ ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการพูดไม่ค่อยดีหรือพูดจาที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง จึงนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวได้  เทคนิคดีๆ สำหรับ การเลี้ยงลูก เรื่องราว แม่และเด็ก เคล็ดลับ เรื่องน่ารู้ babygiveawaysgalore มีให้ทุกท่าน ได้ค้นหา อย่างครบถ้วน พัฒนาการเด็กวัย1ขวบ ในด้านต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ ทักษะการฟัง ควรเสริมให้กับลูกน้อย ตั้งแต่ก่อนวัยเข้าเรียน ข้อดีของการกอดลูก […]