
ทักษะการฟัง หากเราปลูกฝังพวกเขาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กนั้น มันสามารถส่งผลไปถึงอนาคตของพวกเขาได้ด้วย เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดี จะทำให้การเรียนรู้ของลูกเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งรวมไปถึงการทำตามคำสั่งต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งทักษะการฟังนี้พ่อและแม่สามารถสอนได้เองที่บ้านแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องไปเข้าครอสเรียนให้เปลืองเงินอีกด้วย แต่ต้องมีเวลาและเสียสละเวลาส่วนตัวของตัวเองเท่านั่น

เสริมพัฒนาการ ทักษะการฟัง ให้กับลูกน้อย
ซึ่งการฝึก ทักษะการฟัง เราสามารถฝึกเขาตั้งแต่เราท้องเลยก็ได้ เพราะลูกน้อยขณะอยู่ในครรภ์ของแม่ พวกเขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องนี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรเด็กทารกก็จะจดจำและตอบสนองได้ทันที อย่างเสียงของแม่ เมื่อลูกน้อยลืมตามาดูโลก พวกเขาจะร้องออกมาเสียงดังมาก ๆ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่ได้ยินเสียงของแม่เท่า ก็ทำให้เสียงร้องของลูกหยุดในทันที เนื่องจากว่าเวลาเราตั้งครรภ์ได้มีการพูดคุยกับลูก หรือเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้เขาฟัง เขาก็จะจำเสียงของแม่ได้ จะทำให้ลูกน้อยสงบลงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
นอกจากนี้ ทักษะการฟัง ยังเสริมได้หลากหลายวิธีเลย ไม่ว่าจะเป็น การเล่านิทาน การเปิดเพลงบรรเลง การเปิดเทปนิทานโดยให้ฟังแต่เสียง หรือ การพูดคุยและบอกเล่าเหตุการณให้เขาฟัง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดด้วย แถมยังเป็นการสร้างสายใยภายในครอบครัวอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็ช่วยเสริมทักษะให้ลูกของเราได้ ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกน้อยของเราลืมตาดูโลกเลย หากยิ่งฝึกเร็วมันก็จะสามารถช่วยต่อยอดให้เรื่องทักษะอื่น ๆ ได้เร็วเหมือนกัน

เพราะหากลูกของเรามีเขามี ทักษะในการฟัง ที่ดี แน่นอนว่ามันจะช่วยเสริมการเรียนรู้ในด้านอื่น ๆ ได้ดีทีเดียว อย่าง การสังเกต การรอคอย รวมไปถึงการเรียนในอนาคต ถือว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งควรที่จะฝึกก่อนวัยเข้าโรงเรียน เพราะจะทำให้ลูกของเราสามารถเรีนยรู้ และปฏิบัติตามคำสั่งหรืองานที่ตนเองได้รับมอบมายได้ดีกว่าเด็กที่ไม่มีทักษะนี้
ติดตาม เทคนิควิธีการดูแลลูก เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับ พัฒนาการเด็ก แม่และเด็ก ได้ที่นี้
แนะนำ 3 เคล็ดลับง่าย ๆ วิธีสร้างนิสัยกระตือรือร้น เพื่อลดความเฉื่อยชา ให้กับเด็ก